คำนี้หลายท่านอาจจะเคยได้ยินคุ้นหู และหลายท่านอาจจะเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี แต่อาจจะมีอีกหลายท่านที่ยังไม่เข้าใจ และไม่ทราบที่มาของคำนี้ ดังนั้นในบทนี้ผมจะขอพูดถึงคำนี้กันครับ
"ยืมดาบฆ่าคน" ปรากฎอยู่ในตำราพิชัยยุทธของซุนวู นักปราชญ์และนักรบสมัยราชวงศ์โจว ได้กล่าวว่า
"หากอยากได้ชัยชนะแล้ว การยืมดาบฆ่าคน เป็นกลยุทธ์ที่แยบยลและไม่เสียกำลังพล"
รูปปั้นซุนวู ที่เมืองยุริฮิมะ จังหวัดทตโตะริ ประเทศญี่ปุ่น
ขยายความออกไปได้อีกว่า เมื่อข้าศึกมีท่าทีแจ่มชัด แต่กำลังของฝ่ายเรายังมิกล้าแข็ง ควรจะหาทางอาศัยกำลังของพันธมิตรไปโจมตีข้าศึก หลีกเลี่ยงการสูญเสียของฝ่ายเราด้วยวิธีทั้งปวง หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า "ศัตรู ของ ศัตรู คือ มิตร"
จิวยี่ ผู้ต้ดพ้อต่อสวรรค์ถึงการมาของจูกัดเหลียง ขงเบ้ง
เทียนกี้แซยี่ ฮ่อปิ๊ดแซเหลียง
ฟ้าให้จิวยี่มาเกิด ไฉนจึงให้จูกัดเลี่ยงมาเกิดด้วยเล่า..
ฟ้าให้จิวยี่มาเกิด ไฉนจึงให้จูกัดเลี่ยงมาเกิดด้วยเล่า..
ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ สามก๊ก ได้ปรากฎว่ามีการใช้กลยุทธนี้หลายครั้งหลายครา ผมจะขอยกตัวอย่างคราวศึกเซ็กเพ็กระหว่างฝ่ายเล่าปี่และซุนกวน กับฝ่ายโจโฉ ซึ่งจิวยี่ได้หลอกให้โจโฉฆ่าซัวมอและเตียวอุ๋นสองแม่ทัพเรือของตนเอง
"เมื่อคราวที่โจโฉยกทัพไปตีเกงจิ๋วได้จากเล่าจ๋อง ก็นำกำลังทหารหมายโจมตีกังตั๋งของซุนกวนเป็นลำดับต่อไป โจโฉมีทหารในกองทัพเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเหนือ ชำนาญการรบทางบกไม่ชำนาญการรบทางน้ำ โจโฉมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยซัวมอและเตียวอุ๋น นายทหารชาวเกงจิ๋วเป็นแม่ทัพช่วยในการทำศึกทางน้ำ และเป็นผู้ควบคุมฝึกสอนทหารโจโฉให้ชำนาญการเดินทัพทางเรือ จิวยี่ทราบข่าวการเตรียมทัพเรือของโจโฉจึงลอบมาสังเกตการณ์ยังค่ายทหาร และเมื่อเห็นการฝึกทหารของซัวมอและเตียวอุ๋น จิวยี่เห็นจะปล่อยคนทั้งสองไว้แก่โจโฉต่อไปเกรงจะเกิดภัยแก่ตัวในศึกครั้งนี้ จึงหาทางวางแผนกำจัดเสียให้สิ้นซาก โจโฉส่งเจียวก้านให้มาเกลี้ยกล่อมจิวยี่หมายทำราชการด้วย จิวยี่จึงวางกลอุบายซ้อนแผนกลหลอกใช้เจียวก้านในการกำจัดซัวมอและเตียวอุ๋น โดยพาเจียวก้านกลับบ้านและให้กินโต๊ะก่อนแสร้งทำเป็นเมามายไม่ได้สติ จิวยี่พาเจียวก้านไปนอนยังเตียงเดียวกันในห้อง เจียวก้านลอบเห็นจดหมายลับที่จิวยี่เขียนและวางไว้จึงหยิบออกอ่านโดยมีเนื้อความในจดหมายว่า "ซัวมอและเตียวอุ๋นเอาใจออกห่าง และจะตัดศีรษะโจโฉมาให้" เมื่อเจียวก้านอ่านจดหมายลับของจิวยี่จบก็ดีใจ รีบนำจดหมายนั้นมามอบให้แก่โจโฉหวังความดีความชอบแก่ตน
โจโฉไม่เท่าทันแผนกลอุบายของจิวยี่ เมื่อได้อ่านจดหมายลับจากเจียวก้านก็โกรธแค้นจึงสั่งประหารซัวมอและเตียวอุ๋นทันที แต่ภายหลังได้แลเห็นศีรษะของแม่ทัพเรือทั้สอง โจโฉก็รู้ว่าตนเองนั้นต้องกลอุบายของจิวยี่ที่สั่งฆ่าคนของตนที่เป็นแม่ทัพและชำนาญในการเดินเรือ เมื่อโจโฉไม่มีซัวมอและเตียวอุ๋นในการทำศึกทางเรือ ก็ถูกจูกัดเหลียงและจิวยี่เผากองทัพเรือจนพ่ายแพ้ยับเยินในเวลาต่อมา เจี้ยเตาซาเหรินหรือกลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนของจิวยี่ ก็ประสบความสำเร็จในตัดกำลังสำคัญในการนำทัพเรือของโจโฉ ทำให้ได้รับชัยชนะได้อย่างงดงาม"
Resource: http://th.wikipedia.org/wiki
การศึกครานั้นอาจจะมองว่าฝั่งซุนกวน โดยจิวยี่ ได้ใช้กลยุทธ"ยืมดาบฆ่าคน" ทำให้รบชนะโจโฉได้อย่างง่ายดาย แต่แท้จริงแล้วถ้าจะมองให้ดีก่อนศึกครานี้จะเริ่มขึ้นนั้น แท้จริงแล้วโจโฉได้พุ่งเป้าไปที่เล่าปี่ แต่ด้วยยอดกุนซืออย่าง จูกัดเลี่ยง ขงเบ้ง จึงได้ออกอุบาย "ยืมดาบฆ่าคน" ให้ฝ่ายซุนกวนและจิวยี่ ออกรบกับโจโฉแทน งานนี้อาจจะเรียกได้ว่าผู้ที่ใช้กลยุทธนี้แบบไม่ได้ออกแรงจริงๆแล้ว ก็คือฝ่ายเล่าปี่นั้นเอง
ศึกผาแดง หรือ ศึกเซ็กเพ็ก
การทำสงครามย่อมไม่ต่างจากการทำธุรกิจ เราจะมีทั้งศัตรูและมิตร ขณะเดียวกัน มิตรและศัตรูของเรานั้น หาใช่มิตรหรือศัตรูที่ถาวรไม่ วันหนึ่งหากเราต้องการจัดการอะไรกับใครสักคนหนึ่ง เรื่องที่ง่ายที่สุดที่จะไม่ทำให้เราต้องเหนื่อยแรง นั้นก็คือการขอแรงจากคนอื่นให้มาช่วยเรา
ภาพจาก กรงุเทพธุรกิจ ออนไลน์
ที่ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เนื่องจากผมได้มีโอกาสอ่านบทความหนึ่ง ใจความว่า "มีชายท่านหนึ่งเห็นหมา 4 ตัว เป็นตัวผู้ 3 ตัว ที่กำลังขู่ใส่กัน และอีก 1 คือ หมาตัวเมีย ก็เลยคาดว่าหมาตัวผู้เหล่านั้นคงกำลังแสดงพลังเพื่อหวังครอบครองใจหมาสาวแสนสวยนั้นเอง แล้วทันใดนั้น หมาหนุ่มสีเทาก็กระโดดงับเจ้าแดงแล้วสะบัด โดยที่เจ้าแดงก็ไม่ยอมเช่นกันส่งเสียงคำรามและพยายามงับคู่ต่อสู้กลับ ส่วนเจ้าขาวหมาที่ดูอ่อนแอกว่าใครกลับทำท่าสงบเสงี่ยม เจ้าเทากับเจ้าแดงฟัดกันอยู่สักพักหนึ่ง ก็ปรากฎว่าทั้ง 2 ตัวต่างบาดเจ็บและไล่ฟัดกันออกไปเรื่อยๆสุดท้ายเจ้าขาวที่ไม่เสียแรงอะไรเลย กลับได้ควงคู่กับเจ้าหมาสาวแสนสวยไปแทน"
"ฉะนั้นแล้วผมก็คงจะปล่อยให้ไอ้เทากับไอ้แดงกัดกันไป ส่วนผมก็จะทำงานต่อไปอย่างเรียบๆ เงียบๆ รอดู เมื่อไรที่ไอ้ 2 ตัว ห่ำหันกันจนบาดเจ็บไปทั้งสองฝ่าย แล้วไอ้ขาวอย่างผม ค่อยแสดงตัวออกมาชนิดที่ไม่ต้องเสียแรงอะไรเลย"
No comments:
Post a Comment